ประวัติน้องหมาพันธุ์ปักกิ่ง
น้องหมาพันธุ์นี้ผมดูแล้วหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับพันธุ์ชิสุเลย
ตามประวัติ สุนัขพันธุ์ปักกิ่ง ไม่มีข้อมูลระบุแน่ชัดว่า
สุนัขพันธุ์นี้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อใด แต่แค่ชื่อพันธุ์ก็น่าพอจะเดาได้ว่า
น่าจะมาจากประเทศจีน ก็มีเรื่องราวของน้องหมาพันธุ์ปักกิ่ง มีหลักฐานพอสมควรว่ามีสุนัขพันธุ์ปักกิ่งอยู่ในราชสำนัก
สมัยราชวงศ์ถัง หรือราวศตวรรษที่ 8 โดยมีเรื่องเล่าว่า ในอดีต
สุนัขพันธุ์ปักกิ่ง ถือเป็นสุนัขต้องห้าม ที่ต้องห้ามก็คือ ห้ามผู้ใดเลี้ยง
นอกจากในเฉพาะราชสำนักเท่านั้น เป็นไงล่ะ! น้องหมาพันธุ์นี้ใช่ย่อย น้องหมาพันธุ์นี้จะได้รับการปกป้องคุ้มครองเป็นอย่างดีและในเรื่องการสืบสายพันธุ์นั้นต้องให้เป็นสายพันธุ์เดิม
สายพันธุ์บริสุทธิ์โดยจะไม่มีให้การผสมข้ามสายพันธุ์เด็ดขาด
ถ้ารู้ว่ามีใครคิดผสมข้ามสายพันธุ์ในสมัยนั้นมีโทษถึงประหารเชียวนะ! และเล่ากันว่าถ้าเป็นสุนัขประจำตัวกษัตริย์ หากกษัตริย์สิ้นพระชนม์ในขณะที่มันมีชีวิตอยู่
จะต้องถูกฝังไปพร้อมกับพระศพ
เพราะเชื่อกันว่าเป็นสุนัขที่ศักดิ์สิทธ์จะต้องตามไปปกป้องกษัตริย์หลังความตาย
ใน ค.ศ.1860 อังกฤษชนะสงครามฝิ่นครั้งที่
2 และเข้ายึดวังจักรพรรดิที่กรุงปักกิ่ง
ราชสำนักจีนได้สั่งฆ่าสุนัขพันธุ์ปักกิ่งทุกตัวที่อยู่ในวัง
เพราะไม่อยากให้สุนัขที่เชื่อว่าเป็นสายพันธุ์ศักดิ์ตกไปอยู่ในมือคนต่างชาติแต่อย่างไรก็ตาม
ก็มีสุนัข 5 ตัว ที่ไม่โดนฆ่า
เชื่อกันว่าเป็นสุนัขของซูสีไทเฮา
และสุนัขทั้งห้าตัวที่แสนสวยและเป็นที่โปรดปรานของซูสีไทเฮา ก็ได้เดินทางไปประเทศอังกฤษ
และก็ได้ขยายพันธุ์ต่อมาจนถึงปัจจุบัน
ลักษณะทั่วไปของน้องหมาพันธุ์ปักกิ่ง
น้องหมาพันธุ์นี้มีขนาดเล็ก
พอๆกับพันธุ์ชิสุ มีน้ำหนักตัวอยู่ระหว่าง 10-14 ปอนด์
ลำตัวสั้น หน้าใหญ่ ลำตัวส่วนหลังเล็ก ขนช่วงแผงคอยาวคล้ายสิงโต
มีกล้ามเนื้อที่หนา กระดูกหน้า แข็งแรง มีหน้าสั้น แบน จมูกทู่ๆ ดั้งหัก
(เหมือนชิสุเลย) ดวงตากลมโต มีลักษณะนิสัยที่เย่อหยิ่ง ดื้อรั้น รักความสนุกสนาน
เป็นมิตร รักอิสระมีชิวิตเฉลี่ย ประมาณ 14-17 ปี
การดูแลน้องหมาพันธุ์ปักกิ่ง
ควรอาบน้ำให้น้องหมาสัปดาห์ละครั้ง
เนื่องจากน้องหมามีขนที่หนา จึงต้องแปรงขนและทำความสะอาดบ่อยๆขนจะได้ไม่พันกัน
ควรตัดเล็บเท้าให้สั้นอยู่เสมอ ควรจูงน้องหมาเดินเล่นบ้างเพื่อให้น้องหมาได้ออกกำลังกายเพื่อความแข็งแรงของน้องหมาเอง
กะโหลก หนาแบนและกว้าง
จมูก สีดำ กว้าง สั้น
อยู่ในตำแหน่งตรงกลางระหว่างตาพอดี
ตา ตากลมใหญ่ แต่ไม่โปน
นัยน์ตาสีดำเข้มเป็นประกาย ขอบตาสีดำ ถ้าสุนัขมองตรง ๆ (ไม่เหลือกตา)
จะต้องไม่เห็นตาขาว
ใบหน้า โหนกแก้มสูงและกว้าง
ขากรรไกรล่างและคางก็กว้างเช่นกัน
ปาก เป็นสีดำ
ขากรรไกรล่างกว้างและยื่นออกเล็กน้อย ทำให้ฟันล่างเกยฟันบน
แต่ริมฝีปากปิดชิดกันสนิท
ขน ยาว หนา และตรง ไม่หยิกเป็นคลื่น
แบ่งเป็น 2 ชั้น ขนชั้นในจะแน่นและนุ่นกว่าขนชั้นนอก
ขนที่แผงคอและช่วงไหล่จะยาวกว่าที่ส่วนอื่น ๆ
ขา ขาสั้น กระดูกใหญ่ เท้าแบน
ลำตัว กะทัดรัด
ส่วนหน้ากว้างกว่าส่วนหลัง เพราะซี่โครงกางออกมากกว่าอกกว้าง ลำตัวค่อย ๆ
เรียวเล็กลงไปสู่ด้านหลัง มองเห็นเอวได้ชัดเจน แนวหลังตรง ไม่แอ่นเว้าหรือโค้งนูน
มีลักษณะบึกบึนแข็งแรง
หาง โคนหางตั้งสูง ขนหนา ยาวและตรงลงมาที่ลำตัวทั้งสองข้าง
เมื่อรู้จัก สุนัขพันธุ์ปักกิ่ง กันคร่าว ๆ
แล้ว หากใครยังไม่ส่ายหน้าในการเลี้ยงที่ดูเหมือนจะยุ่งยากกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ
ก็สามารถเลือกหามาเป็นเจ้าของได้ในราคาเริ่มต้นประมาณ 4,000 บาท
ไปจนถึงหลักหมื่น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น